• Open Daily : 11:00AM - 8:00PM

  • Call Center 02-662-3444

SNC Medical Center :

SNC Medical Center

ความสำคัญของเซลล์ต้นกำเนิด

เซลล์ต้นกำเนิด คืออะไร

เซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์ คือ เซลล์ต้นกำเนิดนี้ย้อนไปถึงการดำเนินชีวิตนั่นเอง กระบวนการกำเนิดมนุษย์หรือสัตว์นั้นๆ สเปิร์มของผู้ชายจะมาผสมกับไข่ของผู้หญิง กลายเป็น 1 เซลล์ จากนั้น 1 เซลล์จะทำการแบ่งตัวเป็นทวีคูณ กลายเป็นอวัยวะต่างๆจนกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมา สเต็มเซลล์สร้างความน่าอัศจรรย์ใจและแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวงการแพทย์

เมื่อสเต็มเซลล์เข้าสู่ร่างกาย ก็จะวิ่งเข้าส่วนที่ร่างกายต้องการ ภาษาทางการแพทย์เรียกว่า Homing เพราะเมื่อร่างกายมีบาดแผล มีเซลล์อักเสบ จะมีการหลั่งสารบางอย่างสื่อออกมา ซึ่งสารตัวนี้เป็นตัวดึงดูดให้สเต็มเซลล์วิ่งเข้าไปสร้าง หรือซ่อมแซมตรงบริเวณนั้นได้ทันที

ทำไมท่านจึงควรเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิด

ปัจจุบัน งานวิจัยทางการแพทย์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้โรคหลายชนิด ที่สมัยก่อนไม่สามารถรักษาได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีงานวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิดทำให้หลายโรคสามารถรักษาได้ในปัจจุบัน เช่น โรคเส้นประสาทไขสันหลังขาด ( spinal cord injury ) , โรคจอประสาทตาเสื่อม ( Macular degeneration) และยังมีอีกหลายโรคที่ผลงานวิจัยมีการยืนยันว่าเซลล์ต้นกำเนิดสามารถทุเลาความรุนแรงของโรคเหล่านั้นได้ เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ( Diabetes mellitus ) , โรคภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ( Autoimmune ) , ข้อเข่าเสื่อม ( Osteoarthritis ) , กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ( Acute myocardial infarction ) และยังมีหลายโรคที่มีการศึกษาวิจัยกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจึงเป็นประโยชน์ที่เราจะสามารถนำมาใช้เมื่อถึงคราวจำเป็นได้

ใครที่สามารถใช้เซลล์ต้นกำเนิดของบุตรของท่านได้บ้าง?

กรณีของสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือ และจากเยื่อหุ้มรก ถือเป็นเซลล์ต้นกำเนิดอีกชนิด ( Mesenchymal Stem cell หรือ MSCs ) ที่เป็นความคาดหวังของวงการแพทย์ในอนาคต มีรายงานการวิจัยมากมายที่มีการนำไปใช้ในการฟื้นฟูความเสื่อมจากภาวะโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย หลากหลายงานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือและจากเยื่อหุ้มรก สามารถใช้ได้กับทุกคน โดยไม่ต้องตรวจความเข้ากันของเนื้อเยื่อที่เรียกว่า HLA Matching และด้วยคุณสมบัติและประสิทธิภาพของสเต็มเซลล์ชนิดนี้ ช่วยในการลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงมีงานวิจัยหลายฉบับ ที่มุ่งเน้นการนำสเต็มเซลล์ชนิด MSCs มาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ในแง่การฟื้นฟูความเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย หรือที่เรียกกันว่า Rejuvenate หรือ ใช้ในทาง เวชศาสตร์ชะลอวัย ( Anti-Aging ) และยังมีอีกหลายงานวิจัย ที่ผลการวิจัยบ่งบอกว่า สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือและจากเยื่อหุ้มรก ทำให้อาการป่วยดีขึ้น โดยภาวะเสื่อมที่พบได้บ่อยและเริ่มมีการใช้ในทางการแพทย์ ได้แก่

  • 1. โรคชรา หรือโรคความเสื่อมที่เกิดจากวัย - rejuvenation medicine มีการใช้สเต็มเซลล์เพื่อเข้าไปซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อม ทั้งผิวหน้าและภายในร่างกาย เพื่อชะลอวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • 2. โรคไขข้ออักเสบ โรครูมาตอยด์ , โรคข้อเสื่อมต่างๆ -ปัจจุบันใช้สเต็มเซลล์ในการฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อม เพื่อเข้าไปซ่อมแซมและเสริมร้างการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนในข้อเข่าได้จริง
  • 3. เบาหวาน ( ชนิดที่ 1 ) - โรคที่เกิดจากปัจจัยภายนอกร่วมกับความเสี่ยงจากพันธุกรรม กลายเป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยของมนุษย์ เบาหวานทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย เช่น แผลเบาหวาน เบาหวานที่ไต สเต็มเซลล์สามารถนำมาใช้ในการรักษาแผลเบาหวานให้หายได้ และยังสามารถเปลี่ยนรูปเป็นเซลล์ซึ่งผลิตอินซูลินได้อีกด้วย ทำให้ลดการใช้ยาได้ รวมถึงอาการต่างๆจากโรคดีขึ้น เช่น อาการชาปลายมือปลายเท้า ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย เป็นต้น